1.
หลักการแนวคิด/ประวัติและความเป็นมา
วิสัยทัศน์ เป็นศัพท์เฉพาะศาสตร์
(Technical Term) เกี่ยวกับการบริหารที่บัญญัติขึ้นจากคำว่า
“VISION” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งความหมายทั่วไปแปลว่า “การเห็น หรือ ภาพ” แต่ในทางการบริหาร
วิสัยทัศน์ (VISION) หมายถึง
ความสามารถในการมองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ไกลที่สุด และชัดที่สุด
เป็นคำนิยามตามพจนานุกรมว่า พลังแห่งการมองเห็นจินตนาการ การมองไปข้างหน้า
การเข้าใจความจริงบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง สิ่งที่มองเห็นด้วยตาของตัวเอง
หรือพลังแห่งจินตนาการมีผู้ให้คำนิยามคำว่า วิสัยทัศน์ ( Vision) แตกต่างกันออกไปหลายความหมายเช่น หมายถึง การมองการณ์ไกล
การมองเห็นถึงขอบเขตลักษณะ การมองเห็นแบบหยั่งรู้
การรู้จักมองไปข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ พิจารณาจากคำนิยามข้างต้น
สรุปได้ว่า วิสัยทัศน์ (Vision) หมายถึง การมองภาพอนาคตของผู้นำและสมาชิกในองค์กร และกำหนดจุดหมายปลายทางที่เชื่อมโยงกับภารกิจ ค่านิยม และความเชื่อเข้าด้วยกัน แล้วมุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการ จุดหมายปลายทางดังกล่าวต้องชัดเจน ท้าทาย มีพลังและมีความเป็นไปได้
2. องค์ประกอบของ Visioning
วิสัยทัศน์จะประกอบด้วยการมองภาพ (Scenario) ใน 3 ลักษณะ ดังต่อไปนี้ คือ
1. ภาพอนาคตที่ปรารถนาจะเกิดขึ้น (Desiraable Scenario)
2. ภาพอนาคตที่น่าจะเกิดขึ้น (Possible Scenario) โดยดูแนวโน้ม (Trend) จากข้อมูลในอดีตและในปัจจุบันว่า จะเป็นไปในทิศทางใดในอนาคต
3.ภาพอนาคตที่เกิดขึ้นจริง (Probable Scenario) จากการทำนาย (Forecast) หลังจากการศึกษาแนวโน้มของข้อมูลในอดีตและปัจจุบันแล้ว
3. เครื่องมือนี้ใช้เพื่อ
วิสัยทัศน์ เปรียบได้กับแม่ทัพที่มีกล้องส่องทางไกล เพื่อใช้ส่องดูความเป็นไปในสมรภูมิรบเบื้องหน้าว่าเป็นอย่างไร ควรใช้กลยุทธ์ใด ในการทาศึก จึงจะประสบชัยชนะ ดังนั้น ผู้บริการองค์กรที่ดี จาเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ เพื่อกาหนดทิศทางวางนโยบายและกลยุทธ์ของการปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย
4. ข้อดี/ข้อเสีย ของเครื่องมือ
ข้อดี :
ของการกำหนด Visioning 1. ชี้ทิศทาง เป้าหมายในการทางานให้สาเร็จตามแผนที่วางไว้
2. เป็นตัวกาหนดขอบข่ายของงาน หรือภาระหน้าที่
3. ทาให้บุคลากรต้องทางานทางานให้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
4. ต้องมีการสร้างขวัญกาลังและใจให้แก่ผู้ร่วมงาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี
5. ต้องมีการสร้างทีมงาน เพื่อให้การทางานสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ข้อเสีย : ของการขาดวิสัยทัศน์ คือ ผู้ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ คือ ผู้แพ้สำหรับวันนี้ และเป็นผู้ที่ตายแล้วสำหรับวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไป ความล้มเหลวโดยมิได้ตั้งใจ คือ นิสัยของผู้ขาดวิสัยทัศน์ ขาดวิสัยทัศน์ จะขาดการป้องกันปัญหาจนเกิดการสะสมซ้อนทับของปัญหาหลายชั้นตามกาลเวลาจนยากจะหาต้นตอและหนทางการแก้ไขได้ครบ ผู้บริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ จะไม่มีโอกาสคิดวางแผนในการบุกเบิกสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ เพื่อพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ เพราะมัวแต่นั่งแก้ปัญหางานประจำวันอยู่เสมอ อันเป็นผลจากการขาดวิสัยทัศน์นั่นเอง
5. ใช้อย่างไร (หรือจัดทำอย่างไร)
การนำวิสัยทัศน์ไปใช้ได้ 4
ระดับ คือ
1.
ตนเองมองภาพอนาคต เกี่ยวกับ อาชีพการงาน เป็นการมองเพื่อตนเอง
โดยการมองสภาพภายนอกรอบตัวหน้าที่การงาน
หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงจะปฏิบัติอย่างไร2. ตนเองมองภาพอนาคตเกี่ยวกับตนเอง เป็นการมองภายใน มองสุขภาพร่างกายและจิตใจจะพัฒนาร่างกายและจิตใจอย่างไร เป็นการย้อนดีจิตใจ ความผิดหวัง ความสมหวัง ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตใจและจะสามารถทำงานภายใต้ความเครียดอย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร จะพัฒนาอย่างไร ภายใต้สภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป
3. การมองภาพอนาคตเกี่ยวกับองค์การ เป็นการศึกษาระบบบริหารที่เหมาะสมกับองค์การเป็นการศึกษาให้รู้ถึงสิ่งที่ เกิดขึ้น ที่มีผลกระทบต่อหน่วยงาน เช่นผลกระทบจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผลกระทบที่เกิดจากสภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีต่อหน่วยงาน บุคลากร ในองค์การในกรณีเช่นนี้จะบริหารงานอย่างไร
4. การมองภาพอนาคตเกี่ยวกับองค์การในระบบสังคมโลก ( Globalization ) เป็นการมองคู่แข่งจากประเทศต่างๆสินค้าที่ผลิตจากประเทศอื่น จะเป็นคู่แข่งจากบริษัทในประเทศใดก็ตาม ซึ่งถ้าผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่า แต่ราคาถูกกว่า ก็จะได้เปรียบคู่แข่งอื่นๆเป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น